 |
31. 18 ธันวาคม 2009, 20:26 post id:219
|
|
|
yakthai
ลงทะเบียนเมื่อ: ธันวาคม 2009 โพสท์: 791
❤ ได้ใจ : 49
✿ มอบใจ : 72
|
(•¸• )ไม่มีใครสอนให้เราเก่งได้นอกจากตัวเราเองฝึกฝนตัวเอง.. |
|
.
นอกจากจะเหนื่อยแล้ว ความหิวก็เป็นอีกตัวของบททดสอบการขึ้นภูกระดึง..
แต่ก็หายห่วงนะครับสำหรับเดือนตุลาคม 2552 แม่ค้าตามซำต่างๆเปิดบริการกันอย่างหนาแน่น..
ต่างกันเมื่อ 14 ปีก่อนที่ผมพาแฟนมาฮันนีมูนที่ภูกระดึง เรามาเดือนพฤษภาคม 2537..
ซึ่งทุกครั้งก่อนหน้านั้นผมมักจะมาภูกระดึงช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง มกราคม..
เผอิญจังหวะเหมาะพฤษภาคมผมจึงได้พาเธอมาภูกระดึงในเดือนนี้..
ผมเองก็เข้าใจว่าตามซำต่างๆจะมีอาหารและขนมต่างๆขายเช่นเคย แต่วันนั้นผิดคาดครับ..
ไม่ว่าจะซำไหนๆไม่มีแม่ค้าสักเจ้า เหนื่อยสุดๆในชีวิตเพราะวันนั้นผมไม่ได้จ้างลูกหาบ..
และก็หิวแบบสุดๆเช่นกัน มีเพียงน้ำขวดที่พกติดตัวมาเพื่อดับกระหาย..
นั่งพักเหนื่อยที่ซำกกโดน
แต่ก็โชคดีนะที่วันนั้นบนภูกระดึงยังมีร้านอาหารเปิดให้บริการอยู่ 2-3 ร้าน..
ไม่อย่างนั้นผมกับแฟนคงแย่แน่ สรุปว่าช่วงเดือนพฤษภาคม 2537 ผมกับแฟนอยู่ภูกระดึง 3 คืน..
มีนักท่องเที่ยวอีก 2 คนรวมผมกับแฟนเป็น 4 คน ก็เดินเที่ยวกับแบบเหงาๆ ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ..
|
 |
32. 18 ธันวาคม 2009, 20:32 post id:220
|
yakthai |
.
พ พวกเราพักกินข้าวที่ซำกกโดนนานพอควร อาหารตามสั่งธรรมดาๆที่สั่งมา..
ไม่ว่าจะเป็นหมูทอดกระเทียม ข้าวผัดกะเพรา มันช่างกลายเป็นอาหารเลิศรสมื้อนี้สำหรับพวกเราโดยแท้..
ยิ่งได้ส้มตำปูปลาร้าหนึ่งครก ส้มตำไทยอีกหนึ่งครก ขอบอกว่าสุดยอดแล้วจริงๆ..
ร้านอาหารที่ซำกกโดน..
|
 |
33. 18 ธันวาคม 2009, 20:34 post id:221
|
yakthai |
.
การพูดคุยกับแม่ค้าที่นี่ ก็ได้ทราบว่าเมื่อวานนี้ (14 ตุลาคม 2552) ที่ภูกระดึงฝนตกหนักมากๆ..
พวกเรารับรู้ในทันทีว่าหนทางข้างหน้าลำบากแน่ เพราะพูดคุยกันได้ไม่นานนัก ก็มีฝนโปรยปรายลงมานิดๆ..
พวกเราจึงหยิบเสื้อกันฝนออกมาเตรียมไว้ และจัดการคุมกระเป๋ากล้องให้ปลอดภัยจากฝนที่จะตกลงมา..
แต่แม่ค้าพ่อค้าแถวนั้นยิ้มๆแล้วบอกกับเราว่ากลางวันที่ภูกระดึงฝนไม่ตกหนักหรอก มันปอยๆนิดหน่อยเดี๋ยวก็หยุด..
พวกเราจึงถามแม่ค้าอีกคนเพื่อคอนเฟิร์มว่าฝนจะไม่ตกหนัก ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิมและแม่ค้าอีกคนก็บอกกับพวกเราว่า..
ถ้าฝนจะตกหนักโน่นต้องสักทุ่มถึงสองทุ่ม กลางวันฝนไม่เคยตก "เราเริ่มอุ่นใจขึ้น แต่ไม่ไว้ใจแน่นนอนครับ"..
|
 |
34. 18 ธันวาคม 2009, 20:38 post id:222
|
yakthai |
.
คงต้องรีบออกเดินต่อแล้วครับ เพราะพวกเราพักที่ซำกกโดนชั่วโมงครึ่ง..
พี่บัติกะน้องชัยไม่ได้เอาผ้าคุมกระเป๋ากล้องมาด้วย แต่ก็ได้ถุงดำที่พกมาทำเป็นที่คุมแทน..
ดูแล้วก็เก๋เชียว หุหุ! โดยจุดต่อไปที่เราต้องไปให้ถึงก็คือ "ซำแคร่"..
มันก็จริงอย่างที่แม่ค้าบอก ฝนที่ปอยๆลงไม่นานก็หยุด ก็ดีครับเดี๋ยวเจอฝนไม่สบายขึ้นมาคงหมดสนุกแน่..
ที่น่าเป็นห่วงมั๊กมากก็คงเป็นน้องซาเล้ง แกยังเด็กถ้าเป็นไข้ขึ้นมาทีมเราคงตัดสินใจลำบากว่าจะอยู่หรือจะลง..
|
 |
35. 18 ธันวาคม 2009, 20:42 post id:223
|
yakthai |
.
จากซำกกโดนขึ้นไปต้องระมัดระวังให้มากหน่อยเพราะพื้นแฉะประกอบกับความชันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ..
การขึ้นลงภูกระดึงควรหารองเท้าที่กระชับและสบายๆใส่ขึ้นนะครับ พวกรองเท้าแตะธรรมดาจำพวกหูหนีบจะลื่นมาก..
และไม่เฉพาะรองเท้ากับพื้นลื่นแล้ว เท้าเรากับรองเท้ายังลื่นหลุดด้วยครับ
ต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวางทางแต่ก็ช่างสรรสร้างที่มีหินหนุนรองพอให้ผู้คนรอดผ่านไปได้..
เส้นทางช่วงนี้จะเริ่มแฉะและชันขึ้นเรื่อยๆ..
|
 |
36. 18 ธันวาคม 2009, 20:46 post id:224
|
yakthai |
.
ซำกกโดนถึงซำแคร่มีระยะทาง 480 เมตรพวกเราเดินผ่านมาได้ไม่ยากเย็นนะ..
แต่ต่อจากนี้ไปถึง "หลังแป" ระยะทางอีก 1.3 กิโลเมตรมันเป็นบททดสอบสุดท้ายของการขึ้นภูกระดึงแล้วครับ..
ทั้งสูงชันทั้งพื้นแฉะ อากาศเริ่มเย็น หมอกเริ่มลงและไล่หลังเรามาอย่างกระชั้นชิด..
ทางขึ้นที่ทั้งชันและลื่น..
|
 |
37. 18 ธันวาคม 2009, 20:48 post id:225
|
yakthai |
.
เมื่อพวกเราขึ้นมาถึง 1 กิโลเมตรสุดท้าย เมื่อมองกลับหลังลงไปว่าเราอยู่สูงเท่าไร..
ก็มองเห็นสายหมอกและสัมผัสได้ถึงลมหนาวที่ไล่หลังตามเราขึ้นมา แล้วมันก็ลอยผ่านพวกเราขึ้นไปอย่างรวดเร็ว..
สักครู่ที่ตามมานอกจากหมอกและลมหนาวก็คือสายฝนปอยๆ พวกเรายังคงใจเย็นเพราะคิดว่าเดี๋ยวคงหยุดฝนก็คงหยุด..
ก็เลยไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรมากกว่าที่เป็น..
มาถึงตรงนี้หมอกเริ่มลง..
|
 |
38. 18 ธันวาคม 2009, 20:51 post id:226
|
yakthai |
.
สภาพเส้นทางช่วงนี้จะเป็นก้อนหินใหญ่บางเล็กบางเรียงรายสลับซ้อนไปมา..
แต่ยังเหลือช่องว่างให้แทรกตัวขึ้นไปได้ ซึ่งบางช่วงแคบมากพวกเราต้องไปแบบแถวเรียงหนึ่งถึงจะผ่านไปได้..
บางช่วงอาจจะต้องดันก้นเพื่อนขึ้นไปก่อน แล้วเพื่อนที่ขึ้นไปได้ก็จะช่วยดึงกันอีกที ทั้งสนุกทั้งมันส์จริงๆครับ..
หมอกหนาฝนเริ่มโปรย..
เดินมาถึงตรงนี้ฝนเม็ดใหญ่เริ่มกระหน่ำลงมาแล้ว
|
 |
39. 18 ธันวาคม 2009, 20:54 post id:227
|
yakthai |
.
ช่วงไหนที่ชันมากๆก็จะมีบันไดให้ขึ้น พอเราขึ้นบันไดตรงนี้ได้ก็ต้องรีบหยิบเอาเสื้อกันฝนมาใส่กันทุกคน..
เพราะฝนและลมกระหน่ำมาแรงมาก พวกเราช่วยกันใส่เสื้อกันฝนให้ซึ่งกันและกัน..
มันเป็นไปอย่างทุลักทุเลกลางลมหนาวสายหมอกและฝนที่ตกหนักเหลือเกิน..
ต่อจากนี้ในการเดินขึ้นนั้นพวกเราต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น..
และการพยายามเดินขึ้นไปเรื่อยๆเป็นหนทางที่ดีที่สุด เราคงไม่มีทางเลือกอื่นเพราะมันมีแค่ขึ้นกับลงเท่านั้น..
ลำบาทยิ่งขึ้นเมื่อฝนตกหนัก..
|
 |
40. 18 ธันวาคม 2009, 20:58 post id:228
|
yakthai |
.
ทุกย่างก้าวต่อจากนี้เราจะประมาทไม่ได้เลยเพราะถ้าพลาดลื่นล้มได้รับบาดเจ็บ..
มันจะเป็นอุปสรรคอย่างมาก ในการที่จะดำรงอยู่ได้บนภูสูงแห่งนี้..
เพราะการเดินขึ้นลงเป็นแค่ส่วนเป็นส่วนเล็กๆของการมาเที่ยวภูกระดึงเท่านั้น..
เมื่อเราอยู่บนภูกระดึงมันมีเพียงสองขาของเราเท่านั้นที่จะพาเราเคลื่อนตัวไปยังจุดต่างๆบนนั้นได้..
หลังแปตอนบ่ายสามครึ่งเต็มไปด้วยหมอกที่บดบังทัศนีย์ภาพ
แล้วพวกเราก็ผ่าฟันอุปสรรคต่างๆขึ้นมาถึง หลังแปได้ในเวลาบ่ายสามโมงครึ่งพอดี..
ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่เริ่มเดินขึ้นจากหลักกิโลศูนย์ถึงหลังแปรวมทั้งหยุดพัก กินข้าวกลางวันแล้วเป็นเวลา 5 ชั่ว 45 นาที..
และจากหลังแปพวกเรายังต้องเดินต่อเพื่อมุ่งหน้าไปจุดกางเต้นท์อีกประมาณ 3 กิโลเมตร..
ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง แล้วเราก็มาจุดหมายท่ามกลางสายฝน
|
 |
41. 18 ธันวาคม 2009, 21:02 post id:229
|
yakthai |
.
พวกเราอยู่หลังแปสักพักฝนก็หยุดตก แต่ถึงอย่างไรเส้นทางเดินจาก หลังแปไปจุดกางเต้นท์คงไม่ได้เดินสบายๆแน่ๆ..
เชิญเพื่อนๆร่วมสัมผัสประสบการณ์ภารกิจตามล่าหาแสงตะวัน (แต่ไม่เจอ) ของพวกต่อที่ ภูกระดึง คิดถึงเธอนะ.. ครับ..
|
 |
42. 01 ตุลาคม 2011, 10:14 post id:6159
|
|
|
ข้าวปุ้น
❤
✿
|
|
|
.
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวการขึ้นภูกระดึง..
|